javascript の実行を許可してください。

CHOCOTABI SAITAMA

บล็อกท่องเที่ยว

ชมความงามของ 4 ฤดูกาลจังหวัดไซตามะ เที่ยวได้ทั้งปี ไม่มีเบื่อ

จังหวัด “ไซตามะ” เป็นที่ที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวาง อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ประเพณีวัฒนธรรมเก่าแก่

 

หากอยากจะลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการเดินเที่ยวในเมืองหลวงมาเป็นเที่ยวชมธรรมชาติ จังหวัดไซตามะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตภูมิภาคคันโต นักท่องเที่ยวที่อยู่ในโตเกียว ก็สามารถนั่งรถไฟมาได้ง่ายๆ โดยใช้ระยะเวลาเดินทางประมาณ 30 นาที แถมยังไม่ต้องต่อรถหลายต่ออีกด้วย เหมาะสำหรับ One day trip หรือจะพักค้างคืนเที่ยวให้ทั่วจังหวัดก็แนะนำเช่นกัน

 

พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดไซตามะ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้ทุกๆ ฤดูกาล มีเสน่ห์ดึงดูดแตกต่างกัน อย่างเช่น ฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นดอกซากุระเบ่งบาน ทั้งสีชมพูอ่อน สีชมพูสดไปทั่วทั้งเมือง หรือฤดูใบไม้ร่วง ก็จะมีจุดชมใบไม้แดงหลายจุด ที่สวยมากขนาดคนญี่ปุ่นจากต่างถิ่นยังต้องมาเยือน

 

เอาล่ะ.. เกริ่นมานานแล้ว วันนี้เราจะมาแนะนำว่าสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆที่เหมาะกับการเที่ยวในแต่ละฤดูกาล ของจังหวัดไซตามะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลย

 – Spring Season –

 

หากจะบอกว่าเทศกาลชมดอกซากุระ เปรียบเสมือนจิตวิญญาณของชาวญี่ปุ่นก็คงไม่ผิดนัก เพราะทุกๆ ช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงต้นเดือนเมษายน ชาวญี่ปุ่นจะเฝ้ารอเทศกาลนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งสถานที่ชมดอกซารุกระในแต่ละพื้นที่ จะมีเสน่ห์และความงดงามแตกต่างกันไปค่ะ ครั้งนี้เราจะขอแนะนำ 2 สวน “ซากุระสวย” ที่ไม่ควรพลาดในจังหวัดไซตามะกันค่ะ

 

1. Gongendo Sakura Tsutsumi ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดไซตามะ เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีต้นซากุระมากกว่า 1000 ต้น ระหว่างทางเดินทั้ง 2 ฝั่ง ต้นซากุระจะโน้มกิ่งเข้าหากันคล้ายกับอุโมงดอกไม้ เหมาะสำหรับมาถ่ายรูปเล่นมากเลยค่ะ บรรยากาศรอบๆ ยังเต็มไปด้วยทิวแถวซากุระสีชมพูตัดสลับกับสีเหลืองของทุ่งดอก Nanohana ที่ใครเห็นแล้วจะต้องหยุดมองอย่างแน่นอน

 

การเดินทาง เริ่มจากสถานี Asakusa ขึ้นรถไฟสาย Tobu Sky tree Line Section Exp (ประมาณ 60 นาที) มาลงที่สถานี Satte แล้วนั่งรถบัสต่อประมาณ 10 นาที

 

* Tobu Sky tree Line Section Express จะจอดที่สถานี Satte เฉพาะฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น *

 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของสวน Gongendo Sakura Tsutsumi ได้ที่

 

URL: https://www.pref.saitama.lg.jp/chokotabi-saitama/th/whats/072.html

 

2. Omiya Park เอกลักษณ์ของต้นซากุระที่สวนโอมิยะ คือ ต้นซากุระจะโน้มกิ่งต่ำมาก ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปกับดอกซากุระได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น อาหารที่ขายอยู่ที่สวนโอมิยะ ยังขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติมากด้วยนะคะ เรียกได้ว่าถ้าได้นั่งทานอาหารอร่อยๆ แล้วชมดอก ซากุระสวยๆก็คงจะมีความสุขไม่น้อยเลยค่ะ

 

การเดินทาง เริ่มจากสถานี Ikebukuro ขึ้นรถไฟสาย JR มาลงสถานี Omiya (ประมาณ 25 นาที) ออกประตู East Exit แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 20 นาที

 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Omiya Park ได้ที่

 

URL: https://www.pref.saitama.lg.jp/chokotabi-saitama/th/whats/038.html

– Summer –

 

ในช่วงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมแวะเวียนมาที่ Kawagoe เมืองเก่าสไตล์เอโดะที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่โบราณ และหากมาถึงแล้ว ก็ไม่ควรที่จะพลาดไปกับกิจกรรมยอดนิยม “เช่าชุดกิโมโน-ชุดยูกาตะ” แล้วเดินเที่ยวไปตามถนน Kurazukuri ระหว่างทางจะได้พบกับบ้านเก่าย้อนยุค หอระฆังโบราณ ร้านข้าวหน้าปลาไหลแสนอร่อย และตรอกลูกกวาด Kashiya Yokocho ที่สองข้างทางรายล้อมไปด้วยร้านขนมหวาน

 

 

จุดเด่นของ Kawagoe ต้องไปให้ได้คือหอระฆังโบราณ Toki no Kane ค่ะ หอระฆังนี้ ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว ในช่วง ค.ศ. 1894 ใช้สำหรับตีบอกเวลา ใน 1 วัน จะตีถึง 4 ครั้ง ช่วง 6.00 น. 12.00 น. 15.00 น. และ 18.00 น. ค่ะ ถ้าไปตรงช่วงเวลาดังกล่าวจะได้ยินเสียงระฆัง ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในสมัยก่อนเลยค่ะ

 

เดินเที่ยวกันจนเต็มอิ่มแล้ว ไม่ควรพลาดที่จะแวะไปขอพรที่ศาลเจ้าชื่อดัง Hikawa Shrine ศาลเก่าแก่ของนิกายชินโต ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความรักและคู่ครอง ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนของทุกปี ที่ศาลจะมีการจัดเทศกาลกระดิ่งลมผูกสัมพันธ์ Enmusubi Furin โดยมีความเชื่อว่า “สายลมจะนำพาความคิดถึงไปสู่คนที่เรารัก” แต่สายลมนั้นเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น จึงได้ใช้กระดิ่งเป็นสื่อกลางแทน เมื่อมีสายลมพัดผ่านเสียงกระดิ่งจะดังกรุ๊งกริ๊ง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เราได้รู้ว่ายังมีคนที่คิดคิดถึงและห่วงใย

การเดินทาง เริ่มจากสถานี Ikebukuro ขึ้นรถไฟสาย Tobu Tojo Line ไปลงที่ Kawagoe Station หรือสถานี Kawagoe-shi Station (ประมาณ 30 นาที) หรือ สามารถเริ่มจากสถานี Seibu Shinjuku Station ขึ้นรถไฟสาย Seibu-Shinjuku Exp. ไปลงที่ Hon-Kawagoe Station (ประมาณ 45นาที)

 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Kawagoe ได้ที่

URL: http://www.pref.saitama.lg.jp/chokotabi-saitama/th/kawagoe/index.html

– Autumn Season –

 

ถ้าพูดถึงการท่องเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงในจังหวัดไซตามะ จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากเมือง Nagatoro เมื่อมาถึงเมืองนี้ ก็ไม่ควรพลาดกับกิจกรรม “นั่งเรือไม้นากาโทโร่ ชมใบไม้เปลี่ยนสี ท่ามกลางแม่น้ำอาราคาวะ” ระหว่างเส้นทาง นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมกับทัศนียภาพอันงดงามจากหุบเขา 2 ฟากฝั่งโดยบริเวณนี้สามารถชมทั้งความงามของใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง รวมทั้งต้นซากุระในฤดูใบไม้ผลิได้ เรียกได้ว่าสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆได้ไม่ว่าจะไปในช่วงไหนก็ตาม

 

ลักษณะของบริการ ถูกแบ่งออกเป็น 3 คอร์สหลัก

 

คอร์ส A (Oyahanabashi-Iwatadami) เหมาะสำหรับวัยรุ่น หรือผู้ที่รักการผจญภัย เส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นกระแสน้ำไหลเชี่ยวช้าสลับเร็ว ระยะเวลาเดินทาง 20 นาที ระยะทาง 3 กม. ค่าบริการผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 900 เยน

 

คอร์ส B (Iwatadami-Takasago) เหมาะสำหรับมาเที่ยวแบบครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เส้นทางจะเป็นกระแสน้ำไหลปกติ เน้นชมทิวทัศน์ 2 ข้างทาง ระยะเวลาเดินทาง 20 นาที ระยะทาง 3 กม. ค่าบริการผู้ใหญ่ 1,800 เยน เด็ก 900 เยน

 

คอร์ส C (Oyahanabashi-Takasago) เหมาะสำหรับผู้ชอบการผจญภัยและอยากชื่นชมธรรมชาติ เป็นคอร์สระยะยาวที่ใช้ระยะเวลาเดินทาง 40 นาที ระยะทาง 6 กม. ค่าบริการผู้ใหญ่ 3,300 เยน และเด็ก 1600 เยน

 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Nagatoro ได้ที่

URL: http://www.pref.saitama.lg.jp/chokotabi-saitama/th/whats/081.html

– Winter Season –

 

สำหรับคนที่วางแผนจะไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาว ที่จังหวัดไซตามะก็มีสถานที่แนะนำเช่นกันค่ะ ซึ่งก็คือ ธารน้ำแข็ง Misotsuchi no Tsurara ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำอาราคาวะ เมืองจิจิบุ ธารน้ำแข็งเหล่านี้ เกิดขึ้นจากอากาศที่หนาวเย็นอย่างรุนแรงตามธรรมชาติ ส่งผลให้น้ำที่ไหลผ่านบริเวณผาน้ำตกแข็งตัวอย่างฉับพลัน โดยมีความสูงประมาณ 10 เมตร จากพื้นดิน

 

ด้วยความงดงามของผาน้ำตกนี้ ชาวเมืองจิจิบุ จึงจัดแสดงไฟ (Light Up) เพิ่มความตระการตา จนต่อมาเกิดเป็นเทศกาล Otaki Ice Festival ที่มีนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศแวะเวียนมาชมความงดงามจากประติมากรรมธรรมชาตินี้เพิ่มขึ้นทุกปี

การเดินทาง เริ่มจากสถานี Seibu-Ikebukuro ขึ้นรถไฟสาย Seibu Express แล้วลงที่สถานี Seibu-Chichibu (ประมาณ 80 นาที) จากนั้น ต่อรถเมล์ออกมาจากสถานีสาย Mitsumine Shrine ไปลงป้าย Misotsuchi แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที (รถเมล์ประจำทางรอบสุดท้ายจะออกตอนเวลา 16.45 น. หากท่านใดอยากไปดูไฟช่วงกลางคืน ขอแนะนำให้ขับรถยนต์ส่วนตัวไปจะสะดวกกว่า)

 

นอกจากธารน้ำแข็ง Misotsuchi no Tsurara แล้ว เมืองจิจิบุก็ยังมีธารน้ำแข็งที่สวยงามอีกถึง 2 แห่ง

 

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

URL: http://www.pref.saitama.lg.jp/chokotabi-saitama/th/nagatoro-chichibu/nagator_chichibu03.html

 

จริงๆ แล้วสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดไซตามะ ยังมีจุดน่าสนใจอีกเยอะเลยนะคะ ยากที่วันเดียวจะมาเล่าให้ฟังจนจบ ถ้าหากท่านใดมีความสนใจอยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอื่นๆก็สามารถติดตามผ่านทาง Facebook: Saitama JAPAN Just North of Tokyo – th ได้ค่ะ รับรองว่ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ รอให้ทุกท่านไปทำความรู้จักอีกแน่นอน

 

Facebook URL: https://www.facebook.com/saitamajapan.th/

กลับไปยังลิสต์